วันจันทร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2557

กาลครั้งนั้นกับการเป็นช่างของ AIR AMERICA

กาลครั้งนั้น...

ในปี 2514-2516 ได้มีโอกาสเป็นหนึ่งในทีมงานช่างภาคสนาม (Line Service Mechanic) ในตำแหน่งช่างซ่อมอากาศยานชั้นสาม (Aircraft Mechenic III) ของบริษัทแอร์อเมริกา (Air America Inc.) ที่ฐานบินอุดรธานี ซึ่งเป็นบริษัทรับซ่อมเครื่องบินบางรุ่นให้กับฐานทัพสหรัฐ รับผู้ที่จบระดับอนุปริญญา แต่เราก็จบเหมือนกันแต่เป็นวุฒิทางครู (ป.กศ.สูง-จากวิทยาลัยครูมหาสารคาม) เขาก็รับและฝึกอบรมหลักสูตรช่างซ่อมเครื่องบิน (Mechanic Trainee) ที่ศูนย์ฝึกของบริษัท มีผู้เข้ารับการอบรม 25 คน สามเดือนแรกต้องเรียนภาษาอังกฤษแบบเร่งรัด 300 600 900 และ 1200 ตามด้วยหลักสูตรเร่งรัดทฤษฎีการบิน เครื่องยนต์ เครื่องมือ และอื่นๆ 
หกเดือนจบหลักสูตร ถูกจัดแยกย้ายลงกลุ่มงานต่างๆ มีชุดทำงาน ด้านหลังเสื่อปักคำว่า AIR AMERICA สีแดงในชุดสีเทาและซื้อเครื่องมือช่างชื่อตรา Proto (Profesional Tools) หรือ Snap-on ประแจเป็นระบบนิ้วฟุต ใช้เรียกขนาดตามสัดส่วนของนิ้วฟุต ต่างจากญี่ปุ่นที่เป็นระบบเซินติเมตร และราคาค่อนข้างแพงแต่บริษัทให้ผ่อนส่ง

กลุ่มงานที่ถูกส่งไปประจำ 
บริษัท จะส่งผู้จบการอบรม ไปประจำฐานทันที โดยไม่ได้สอบถามความสมัครใจ ได้แก่
1) ช่างประจำฐานซ่อมในโรงงาน 
ที่เป็นงานประจำห้องซ่อมเฉพาะด้าน เช่น เครื่องยนต์ กลไก ใบพัด ที่จะต้องนำไปเปลี่ยนเมื่อชำรุดเสียหายที่ภาคสนาม 
2) ช่างซ่อมบำรุงภาคสนาม (Line Maintenance
ทำงานแก้ปัญหาด่วนปกคิเป็นลานจอดเครื่องบิน มี 2 ส่วน คือ
1. ฝ่ายเครื่องบินปีกทั่วไป (Fixed Wings) ที่พบมีเครื่องบินลำเลียงขนาดกลาง ๒ เครื่องยนต์ รุ่น C123 เครื่องบินลำเลียงขนาดใหญ่ 4 เครื่องยนต์รุ่น C130 เครื่องบินโจมตี 2 ที่นั่ง รุ่น T28 และเครื่องบินตรวจการลาดตระเวน 4 ที่นั่ง 6 ลูกสูบ รุ่น L19) เป็นต้น (แต่ไม่พบ DC8) และ
2. เครื่องบินปีกหมุน (Rotary Wings) คือเฮลิคอปเตอร์ มีแบบ UH34D ชิคอร์สกี้ 4 ใบพัด ใช้เครื่องยนต์ลูกสูบ และแบบ BELL แบบ 2 ใบพัด ใช้เครื่องยนต์เทอร์โบหมุนโรเตอร์

เฮลิคอปเตอร์ แบบ UH34D-Sycorsky
ผมถูกจัดเข้าทำงานภาคสนาม ประจำเครื่องปีกหมุนของชิคอร์สกี้ มีชุดงานภาคสนาม 3 ชุดหมุนเวียนตามกะงาน ชุดละ 6 10 คน มีหัวหน้าชุดขาวหนึ่งคน คือ
ชุดของนาวาล (Naval Crew) หัวหน้าเป็นชาวฟิลิปปินส์ 
ชุดสาริพงค์ (Saribongse Crew) ชาวไทย และ
ชุดหง (Hunk Crew) หัวหน้าหง (H.K Hung) เป็นคนเกาลูน-ฮ่องกง ได้ร่วมงานก่อนกลับฮ่องกง ต่อมาเป็นคนไทยชื่อสนิท (ลืมนามสกุล)และวีระศักดิ์ หิรัญรักษ์ มีช่างผู้ร่วมทีมชุดสีเทาที่พอจำได้ แรกๆมีชาวฟิลิปปินส์คือคุณเรย์ ก่อนที่จะกลับไป และแทนด้วยคนไทยทั้งหมด มี คุณเยี่ยม พิมสมาน จากสงขลา คุณประเสริฐ ชินธรรม จากนครศรีธรรมราช คุณนิกร คำมีศรีสุข จาก กทม. คุณประชุม โสภณพงศ์ จาก กทม. คุณอิทธิบูรณ์ จันปลั่ง จากจันทบุรี เป็นต้น และมีคนงานลูกมือชุดสีน้ำเงิน (labor) 3 คน

การทำงานภาคสนาม 3 ทีมช่างจะเปลี่ยนเวลาทุก 3 เดือน มี 3 กะ คือ
กะเช้า เวลา 06.00-14.00
กะบ่าย เวลา 14.00-22.00 และ
กะกลางคืน เวลา 22.00-06.00 มักเรียกว่า Grape yard หรือ night shift หรือกะผีหลอก (ในยุโรปมักพบต้นองุ่นเกิดคลุมสุสาน) 

การเข้างานจะใช้การตอกต้องก่อนเวลางานเสมอช้าไม่ได้แม้แต่ 1 นาทีที่จะต้องถูกขีดด้วยหมึกแดงและจะถูกเตือนทันทีทุกครั้ง หากถึงสามครั้งก็จะได้รับซองขาวเชิญออกไป ซึ่งทีมงานไม่เคยมีสักคนแม้ว่าชอบที่จะดื่มเที่ยวหลังงานด้วยกันบ่อยๆ

สมุดปูมเครื่องบิน - Log book 
          มีปกเป็นโลหะอลูมินั่มให้ทนสภาพ นักบิน (Pilot) จะบันทึกปัญหาของเครื่องหลังการบินปฏบัติงานในสมุดปูมประจำเครื่อง การบันทึกปัญหา เราเรียกว่า Squawk สมุดปูมจะถูกนำมาที่ศูนย์ซ่อม (Line Shack) บางปัญหาสามารถซ่อมได้บนลานจอดแม้แต่เปลี่ยนเครื่องยนต์ ส่วนปัญหาใหญ่ที่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษและหลายวันจะต้องนำมาซ่อมที่โรงซ่อม

ปัญหาของเครื่องบิน UH34D ที่ต้องซ่อม ได้แก่

เครื่องสั่นอย่างรุนแรง (High Frequency Vibration
สาเหตุมาจากเครื่องยนต์ เช่นจุดระเบิดไม่ปกติที่สามารถแก้ไขได้ การสันดาบไม่สมบูรณ์ บางครั้งเสียหายต้องเปลี่ยนเครื่องยนต์ทั้งชุด เป็นเครื่องที่ผ่านการซ่อมและรันอินในแผนกซ่อมมาแล้วเท่านั้น

สั่นระดับกลาง (Medium Vibration
เป็นการชองเครื่องสั่นแบบเขย่าแนวตั้ง (Vertical Vibration) มาจากใบพัดใหญ่ใหญ่ (Main Roters)  และห้องเกียร์ใบพัดใหญ่ (Gear Box) จากการหลวมของข้อต่อต่างๆ จนถึงแกนใบพัดใหญ่หลวม ต้องกวดให้ให้ได้ค่า เป็นงานใหญ่ทีเดียวเพราะต้องใช้เครื่องมือพิเศษ

สั่นด้านข้าง (Low/Lateral Vibration)
มาจากใบพัดหาง (Tail Rotor Blade) ตั้งค่าองศาผิดหรือหลวมต้องปรับแก้

เครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ซิคอร์สกี (UH34D) 4 ใบพัด รุ่นนี้มีปัญหาจุกจิกมากกว่าเครื่องเบลล์ (UH1) แบบ 2 ใบพัด เพราะใช้พลังจากเครื่องเจ็ต และมีปัญหาน้อยกว่า

ใบงาน (Worksheet Procedure) คือใบสั่ง TO-Technical Order
กฎเหล็กของช่างซ่อมเครื่องบิน คือ ต้องทำตามขั้นตอนของใบงาน (ใบสั่ง TO-Technical Order) งานซ่อมใหญ่จะปฏบัติตามใบงาน (Worksheet Procedure) ทุกครั้ง ใบงานจะบอกวิธีการทำซ่อมอย่างละเอียด มีขั้นตอนครบถ้วนตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ มีที่ลงชื่อช่างผู้ซ่อม (Mechanic) หัวหน้าทีม (Chief) และผู้ตรวจรับรอง (Supervisor) 
           คนที่จะต้องอ่านบ่อยที่สุดคือหัวหน้าทีม คอยกำกับตรวจ ชี้นำ เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด ที่เรียกว่า "ชุ่ย" หรือ fuck up เป็นเรื่องร้ายแรงทีเดียว โดยปกติก่อนปฏิบัติการบินจะมีผู้ตรวจสอบคุณภาพ (Quality Control- QC) ประทับตราประจำตัวรับรอง หากเป็นงานใหญ่ นักบินทดสอบจะต้องบินทดสอบรับรองก่อนเสมอ
โดยสรุป แม้ว่าช่าง หัวหน้าช่าง ผู้ตรวจคุณภาพจะรู้การเครื่องบินเป็นอย่างดี แต่ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้บินคือนักบินเท่านั้น
เฮลิคอปเตอร์รุ่น UH34D ชิคอร์สกี (Sikorsky) ชาวรัสเซียเป็นผู้ออกแบบ มีพลังขับจากเครื่องยนต์แบบวงกลม 2 แถวๆ ละ 9 รวม 18 ลูกสูบ ส่งพลังขึ้นไปขับห้องเกียร์(Main Rotor Gear Box) และใบพัดใหญ่ 4 ตัวบน (Main Rotor Blades) และใบพัดหาง 4 ตัว (Tail Rotor Blades) เคยใช้ในสงครามลาวและเวียดนาม ปัญหาเครื่องคือเสียงดัง สิ้นเปลือง และจุกจิกมาก ตอนหลังถูกปรับเป็นเครื่องโบเจ็ต 2 ตัวที่มีน้ำหนักเบาเป็นต้นกำลัง เรียก Twinpac ก่อนที่จะปลดระวางมา 40 ปีแล้วเนื่องจากชิ้นส่วนข้อต่อย่อยต่างๆ จุกจิกมาก ชำรุดเสียหายบ่อย ต้นทุนการซ่อมสูง

ปัจจุบัน เครื่องเทอร์โบเจ็ตถูกนำไปใช้กับเครื่องบินแทนเครื่องยนต์ลูกสูบแล้ว เช่น เรื่องบินลำเลียงสัมภาระ (Carco) รุ่น C123 และ รุ่น C130 ในทุกวันนี้

มารู้จักเครื่องบินที่กล่าวถึง
Helicopter UH34D Sycorsky 
ใช้เครื่องยนต์วงกลม 2 แถว 18 ลูกสูบ มีที่นั่งนักบินสองคน
นักบิน (Pilot) อยู่ด้านซ้าย นักบินมือสอง (Co-pilot) อยู่ด้านขวา
มีหน้าปัทม์และเกจ์วัดต่างๆสองชุดเหมือนกัน

Helicopter Bell - UH1 
เครื่องเบลล์ 2 ใบพัดขับด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบคู่
นักบิน (Pilot) อยู่ด้านซ้าย นักบินมือสอง (Co-pilot) อยู่ด้านขวา
มีหน้าปัทม์และเกจ์วัดต่างๆสองชุดเหมือนกัน

C123 - Carco Aircraft 
เป็นเครื่องลำเลียงสัมภาระขนาดกลาง เครื่องยนต์วงกลม 2 แถว 18 ลูกสูบ 2 เครื่อง 
ระยะต่อมาเปลี่ยนใช้เป็นเคร่ื่องยนต์กังหันที่เบาและกินน้ำมันน้อย เรียกว่า Turboprop-Turbo Propeller
นักบิน (Pilot) อยู่ด้านซ้าย นักบินมือสอง (Co-pilot) อยู่ด้านขวา
มีหน้าปัทม์และเกจ์วัดต่างๆสองชุดเหมือนกัน


T28 - Attack Aircraft (ลาว - เต้ซาวแปด) 
เป็นเคร่ื่องบินโจมตี 2 ที่นั้ง ทั้งยิงปืนและทิ้ง
ระเบิด ใช้เครื่องยนต์วงกลม 2 แถว 18 ลูกสูบ 
นักบิน(Pilot)อยู่หน้า นักบินมือสอง(Co-pilot)อยู่หลัง


L19 - Observe Aircraft (Light Aircraft) 
เป็นเครื่องบินลาดตระเวนและตรวจการ ใช้เครื่องยนต์ 6 แนวนอนลูกสูบ

ไม่มีความคิดเห็น:

สรุป พรบ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ ppt ดาวน์โหลด

สรุป พรบ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ ppt ดาวน์โหลด : หมวด 1 บททั่วไป ความมุ่งหมายและหลักการ มาตรา 6-7 จัดการศึกษา เพื่อ เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ เก่ง ...