น้ำตกคอนพะเพ็ง เป็นหนึ่งในลำน้ำโขงที่เป็นเป็นน้ำตกเหมือนไนแอการา
ภาพถ่ายมุมกว้าง โดยพระครูสมุห์ไกรษร ปฺญญาชิโร วิทยาลัยสงฆ์นครพนม
คณะดูงานนโดยพระครูโสภณเจติยาธร ผจล.วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร และดร.พระมหาวรรณชัย ชยวณฺโณ ผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์นครพนม ถ่ายภาพหน้าจำปาสักพาเลช เมื่อ 2 พ.ค.53
จำปาสักมีแหล่งธรรมชาติที่น่าสนใจจำนวนมาก ที่เด่นเป็นที่รู้จักในลำโขงได้แก่ หลี่ผี สี่พันดอน และน้ำตกคอนพะเพ็ง และส่วนที่เป็นป่าเขาและน้ำตก ได้แก่ นำตกผาส้วมที่เมืองบาจรง น้ำตกตาดฟานที่เมืองปากช่อง ที่มีนักท่องเที่ยวไปเที่ยวชมไม่ขาดโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากประเทศไทย เพราะเดินทางง่ายโดยผ่านช่องเม็กเข้าไป 42 กม.ก็ถึงแล้วและหากใช้บริการทัวร์ก็จะเบ็ดเสร็จกว่า
น้ำตกคอนพะเพ็ง อยู่ทางใต้ตามถนนหมายเลข 13 จากจำปาสักลงไประยะทาง 165 กม. เป็นน้ำตกกลางลำน้ำโขง มีเกาะแก่งโขดหินและน้ำตกจำนวนมากและยากลำบากที่จะเข้าไปเที่ยวชมได้หมด มีความกว้างของลำน้ำโขงช่วงนี้หลายกิโลเมตรจนถึงฝั่งเขตแดนของกัมพูชา ที่นี่ถูกกล่าวขานว่าเป็น ไนแอการ่าแห่งเอเชีย จะมีน้ำตกอย่างนี้ทั้งปีแม้ในฤดูน้ำหลาก จนไม่สามารถนำเรือผ่านไปได้ซึ่งฝรั่งเศสเคยใช้ระเบิดทำลายแต่ไม่สำเร็จ
ต้นไม้ชนิดหนึ่งเชื่อกันว่ามีต้นเดียวในโลก เรียกว่า มะนีโคด หรือ ต้นแก้วมณีโคตร เกิดบนเกาะที่น้ำตกคอนพะเพ็ง จากตำนานของลาวที่เล่าขานสืบต่อกันมาว่า เป็นต้นไม้วิเศษ "กกชี้ตาย ปลายชี้เป็น" หมายความว่าหากปลายชี้ไปทางไหนก็จะมีแต่ความเจริญ โดยปัจจุบันต้นมณีโคตรมีปลายอยู่สามกิ่ง ชี้ไปทางกัมพูชา ไทยและลาว ที่หมายถึงว่าทั้งสามประเทศจะเจริญเป็นมรกตแห่งอินโดจีน การที่มีความชื้นอุณหภูมิและระบบนิเวศที่เหมาะสมเฉพาะเป็นปัจจัยทำให้เกิดมีต้นไม้ชนิดนี้เพียงต้นเดียว (จากภาพถ่ายจาก Canon IXUS 60 เมื่อ 2 พ.ค 53 เหนือน้ำตกจะมองเห็นกิ่งแผ่ออก 2 ด้าน)
ไม่สามารถที่จะเข้าไปถ่ายภาพได้ก็เลยเก็บภาพจากพ่อค้าที่มาเร่ขายถ่ายเมื่อ ปี 2552 ซึ่งก็เป็นภาพที่ขายดีมากกว่าภาพน้ำตก ราคาภาพละ 10,000-20,000 กีบ (40-80 บาท) ในภาพจะมีนกกระยางมาเกาะเต็มต้นไปหมดอาจมากินผลหรือมาอาศัยยังไม่มีรายละเอียด ตามตำนานรามยณะกล่าวว่าหากใครได้กินผลจะมีอายุยืนยาว กลับเป็นหนุ่มสาว มีพลังมาก และยังไม่มีใครได้พิสูจน์เพราะไม่สามรรถเข้าถึงได้ และเล่ากันว่าสมัยฝรั่งเศสเข้าครองเคยคิดจะเอาต้นไม้นี้ไปปลูกแต่ไม่สำเร็จและเครื่องบินที่เข้าไปก็ตกเสียหาย
แก้วมณีโคตร ก็กลายเป็นความพิสดารอย่างหนึ่งเพื่อดึงดูดและสร้างกระแสการท่องเที่ยวของที่นี่ ที่ใคร่อยากรู้อยากเห็นอยากสัมผัส...แต่เข้าไปไม่ถึง...และอยากกลับไปอีก
ชมภาพที่ถ่ายจากศาลาฃมวิวจากยูทิวป์ ถ่ายไว้ตอนที่ยังไม่ล้ม ปี 2553
http://www.youtube.com/watch?v=ph3E4fm8w0U&feature=youtu.be
จำปาสัก
เป็น 1 ใน 16 แขวงสำคัญหนึ่งของลาว บนเส้นทางถนนหมายเลข 13 จากหลวงพระบางและนครหลวงเวียงจันทน์ลงมา เมืองจำปาสักตั้งอยู่บนฝั่งปากแม่นำเซโดนไหลบรรจบแม่น้ำโขง เรียกติดปากว่าเมืองปากเซ ที่หมายถึงเซโดน เป็นเมืองเก่าที่ยังคงรักษาร่องรอยไว้เพื่อศึกษา ได้แก่ วังเจ้าบุญอุ้ม ณ จำปาสัก ที่กลายเป็น โรงแรมจำปาสักพาเลช ดูแลโดยรัฐบาลลาวมาตั้งแต่ปี 2518 สมัยปลดปล่อยหลังจากเจ้าบุญอุ้มได้หลบหนีออกนอกประเทศ เคยถูกเรียกว่า ศาลาพันห้อง เป็นสถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลมาจากฝรั่งเศส สร้างด้วยเสาไม้จำนวนมากโดยไม่ตอกเสาเข็ม มีประตูหน้าต่างนับพันบาน กล่าวกันว่าถ้าเริ่มเปิดไปครบตั้งแต่เช้าและปิดครบทุกบานอีกก็จะเสร็จค่ำมืดพอดี
เป็น 1 ใน 16 แขวงสำคัญหนึ่งของลาว บนเส้นทางถนนหมายเลข 13 จากหลวงพระบางและนครหลวงเวียงจันทน์ลงมา เมืองจำปาสักตั้งอยู่บนฝั่งปากแม่นำเซโดนไหลบรรจบแม่น้ำโขง เรียกติดปากว่าเมืองปากเซ ที่หมายถึงเซโดน เป็นเมืองเก่าที่ยังคงรักษาร่องรอยไว้เพื่อศึกษา ได้แก่ วังเจ้าบุญอุ้ม ณ จำปาสัก ที่กลายเป็น โรงแรมจำปาสักพาเลช ดูแลโดยรัฐบาลลาวมาตั้งแต่ปี 2518 สมัยปลดปล่อยหลังจากเจ้าบุญอุ้มได้หลบหนีออกนอกประเทศ เคยถูกเรียกว่า ศาลาพันห้อง เป็นสถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลมาจากฝรั่งเศส สร้างด้วยเสาไม้จำนวนมากโดยไม่ตอกเสาเข็ม มีประตูหน้าต่างนับพันบาน กล่าวกันว่าถ้าเริ่มเปิดไปครบตั้งแต่เช้าและปิดครบทุกบานอีกก็จะเสร็จค่ำมืดพอดี
จำปาสักพาเลช สรางตระหง่านบนฝั่งเซโดน
คณะดูงานนโดยพระครูโสภณเจติยาธร ผจล.วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร และดร.พระมหาวรรณชัย ชยวณฺโณ ผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์นครพนม ถ่ายภาพหน้าจำปาสักพาเลช เมื่อ 2 พ.ค.53
ริมฝั่งโขงด้านตะวันออกไกล้ปากเซโดนที่ไหลลงมาบรรจบ ลำล้ำบริเวณนี้กว้งกว่า 2 กิโลเมตร มองเห็นไกลๆ คือสะพานมิตรภาพไทยลาวญี่ปุ่น เพื่อข้ามมายังถนนสายจำปาสักช่องเม็ก ระยะทาง 42 กม.
น้ำตกคอนพะเพ็ง อยู่ทางใต้ตามถนนหมายเลข 13 จากจำปาสักลงไประยะทาง 165 กม. เป็นน้ำตกกลางลำน้ำโขง มีเกาะแก่งโขดหินและน้ำตกจำนวนมากและยากลำบากที่จะเข้าไปเที่ยวชมได้หมด มีความกว้างของลำน้ำโขงช่วงนี้หลายกิโลเมตรจนถึงฝั่งเขตแดนของกัมพูชา ที่นี่ถูกกล่าวขานว่าเป็น ไนแอการ่าแห่งเอเชีย จะมีน้ำตกอย่างนี้ทั้งปีแม้ในฤดูน้ำหลาก จนไม่สามารถนำเรือผ่านไปได้ซึ่งฝรั่งเศสเคยใช้ระเบิดทำลายแต่ไม่สำเร็จ
ต้นไม้ชนิดหนึ่งเชื่อกันว่ามีต้นเดียวในโลก เรียกว่า มะนีโคด หรือ ต้นแก้วมณีโคตร เกิดบนเกาะที่น้ำตกคอนพะเพ็ง จากตำนานของลาวที่เล่าขานสืบต่อกันมาว่า เป็นต้นไม้วิเศษ "กกชี้ตาย ปลายชี้เป็น" หมายความว่าหากปลายชี้ไปทางไหนก็จะมีแต่ความเจริญ โดยปัจจุบันต้นมณีโคตรมีปลายอยู่สามกิ่ง ชี้ไปทางกัมพูชา ไทยและลาว ที่หมายถึงว่าทั้งสามประเทศจะเจริญเป็นมรกตแห่งอินโดจีน การที่มีความชื้นอุณหภูมิและระบบนิเวศที่เหมาะสมเฉพาะเป็นปัจจัยทำให้เกิดมีต้นไม้ชนิดนี้เพียงต้นเดียว (จากภาพถ่ายจาก Canon IXUS 60 เมื่อ 2 พ.ค 53 เหนือน้ำตกจะมองเห็นกิ่งแผ่ออก 2 ด้าน)
ไม่สามารถที่จะเข้าไปถ่ายภาพได้ก็เลยเก็บภาพจากพ่อค้าที่มาเร่ขายถ่ายเมื่อ ปี 2552 ซึ่งก็เป็นภาพที่ขายดีมากกว่าภาพน้ำตก ราคาภาพละ 10,000-20,000 กีบ (40-80 บาท) ในภาพจะมีนกกระยางมาเกาะเต็มต้นไปหมดอาจมากินผลหรือมาอาศัยยังไม่มีรายละเอียด ตามตำนานรามยณะกล่าวว่าหากใครได้กินผลจะมีอายุยืนยาว กลับเป็นหนุ่มสาว มีพลังมาก และยังไม่มีใครได้พิสูจน์เพราะไม่สามรรถเข้าถึงได้ และเล่ากันว่าสมัยฝรั่งเศสเข้าครองเคยคิดจะเอาต้นไม้นี้ไปปลูกแต่ไม่สำเร็จและเครื่องบินที่เข้าไปก็ตกเสียหาย
แก้วมณีโคตร ก็กลายเป็นความพิสดารอย่างหนึ่งเพื่อดึงดูดและสร้างกระแสการท่องเที่ยวของที่นี่ ที่ใคร่อยากรู้อยากเห็นอยากสัมผัส...แต่เข้าไปไม่ถึง...และอยากกลับไปอีก
ชมภาพที่ถ่ายจากศาลาฃมวิวจากยูทิวป์ ถ่ายไว้ตอนที่ยังไม่ล้ม ปี 2553
http://www.youtube.com/watch?v=ph3E4fm8w0U&feature=youtu.be
ภาพระยะไกล ต้นมณีโคตรหายไป |
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น